หมก Jazz GE แต่ง แบบเมียไม่รู้
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน
ในวันนี้เราก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการปรับแต่งรถเพื่อเพิ่มสมรรถนะ
และตัวผมเองก็ยังคงยึดหลักความประหยัด และเล่นเพื่อความสนุกเช่นเดิม
ในครั้งนี้จะขอนำเสนอตัวละครใหม่ ซึ่งเป็นรถใช้งานของแม่บ้านที่ผมต้องคอยดูแลบำรุงรักษาอยู่เนืองๆ
เมื่อไหร่ที่ได้เปิดกระโปรงรถคันนี้ ด้วยความที่ซุกซน ก็จะมองหาว่า
จะทำอย่างไรให้มันวิ่งได้มากกว่านี้อีกบ้าง
สำหรับรถคันนี้เป็นรถ อีโค่คาร์ ยี่ห้อ Honda Jazz รุ่น GE เครื่อง
1.5ลิตร มีระบบ ivtec ติดมาด้วยเพื่อความประหยัด และ
เพื่อสมรรถนะที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประกอบกับระบบเกียร์ แบบ CVT ก็ทำให้เมื่อไหร่ที่เดินคันเร่งเต็ม
ตัวรถก็ไม่ได้ทำอัตราเร่งจนอืดอาดมากนัก
และ ในขณะที่ขับแบบครุยส์ ก็ยังประหยัดมากอีกด้วย
สิ่งเดียวที่ทำการปรับเปลี่ยนสำหรับรถคันนี้คือ แผ่นกรองอากาศแบบล้างได้
เพียงแค่นั้น ซึ่งก็ให้ความรู้สึกลื่นๆ กับเสียงการดูดอากาศที่ดังขึ้นมาสักหน่อย
ที่เหลือเป็นรถเดิมๆทุกชิ้น ลองดูยุทธวิธีแทรกซึมเข้ามาเนียนๆของกรองอากาศผม โดยปลอมตัวเป็นที่วางแก้ว
หมกอะไรดี ??
เนื่องจากรถคันนี้ แม่บ้านใช้ประจำ แค่นั้นยังไม่พอ
ยังมีพ่อตาแวะเวียนมาขับอีกบางครั้ง จึงมักจะเป็นห่วงกลัวว่าการปรับเปลี่ยนอะไรจะส่งผลให้รถมีปัญหา
ดังนั้นโจทย์จึงค่อนข้างยาก แต่เชื่อผมเถอะ มนุษย์วิวัฒนาการ
จนไปเหยียบดวงจันทร์แล้ว ปัญหาแค่นี้มันคงไม่ยากเกินแก้
หลังจากสำรวจห้องเครื่องอยู่นาน ก็พบจุดที่น่าจะสนุกกับ jazz คันนี้ได้อยู่บ้าง
นั่นคือ ฝาปิดช่องเซอร์วิส บริเวณแผงจิ้งหรีด
ฝาปิดนี้จะเอาไว้เปิดเพื่อยื่นมือเข้าไปไขน๊อตยึดหัวโช๊ค และสตรัท เมื่อเราเปิดฝาออกนั้น
จะเชื่อมเข้าสู่บริเวณใต้แผงจิ้งหรีดทั้งหมด เอาหละเว่ยแม่งชักสนุก
เพราะเราสามารถเล่นกับอากาศได้
แนะนำให้ลองอ่านบทความ การเพิ่มอากาศใน เฟียสต้า
แสตนดาร์ดมาแบบไหน
ก่อนอื่น ขออธิบายสภาพโดยรวม ของเจ้ารถคันนี้ก่อนว่า เส้นทางการนำอากาศมาป้อนเครื่องยนต์เป็นอย่างไร
เริ่มจากอากาศมาปะทะที่กระจังหน้า จะถูกนำพาผ่านพลาสติกดักลม ผ่านคอหม้อน้ำช่วงบน
เดินทางมาปล่อยทิ้งบริเวณที่โล่งๆ ใกล้กับซุ้มโช๊คซ้าย
เพื่อให้ท่อกรองอากาศดูดอากาศเข้าเครื่อง และเพื่อระบายความร้อนกับตัวกล่อง ECU
ที่ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องบริเวณนั้น
แนวทางการปรับแต่ง
ก่อนจะมาดูการปรับแต่ง เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อรถวิ่งไปตามท้องถนน
รถของเราวิ่งเข้าไปในพื้นที่ซึ่งมีอากาศอยู่ ยิ่งวิ่งเร็ว
แรงดันอากาศที่เกิดขึ้นตามพื้นผิวตัวถังก็จะมากขึ้น จุดที่จะเกิดแรงดันมากๆ ก็อาทิ
กันชนหน้า กระจกหน้ารถ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า
รถส่วนมากก็จะเลือกออกแบบวางท่อทางเพื่อดักอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ไว้ที่ด้านหน้าของรถ
เพื่อให้รับแรงดันจากอากาศที่เข้ามาเวลารถวิ่ง
แต่จากที่กล่าวมาในหัวข้อที่แล้วว่า รถคันนี้ทำการดักอากาศมาจากหน้ารถ
แล้วมาปล่อยทิ้งไว้ บริเวณซุ้มโช๊คซ้ายนั้น นอกเสียจากท่อทางของเดิมจะมีขนาดทางเข้าที่เล็กแล้ว
ยังไม่ได้ทำการเชื่อมต่อเข้าสู่กรองอากาศโดยตรง
เพราะต้องแบ่งอากาศบางส่วนเพื่อระบายความร้อนกล่อง ECU ดังนั้น
โอกาสที่เครื่องยนต์จะดูดอากาศที่ได้รับอุณหภูมิสูง จากห้องเครื่องจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา
เมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว
ผมเลยคิดหาทางนำเข้าอากาศจากจุดอื่นที่มีแรงดันเช่นกันมาป้อนเครื่องยนต์แทน และแน่นอนว่ามันควรจะมาจากบริเวณกระจกหน้ารถ จากภาพจะเป็นจุดที่เกิดแรงดันอากาศ
ยามเมื่อรถวิ่งเข้าไปในอากาศ (สีแดง)
กำหนดวันลงมือ
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้น
การปรับเปลี่ยนใดๆในตัวรถคันนี้ล้วนแต่เป็นการท้าทายอำนาจมืด ดังนั้นหากคิดก่อการแล้ว
ต้องทำให้สำเร็จ เร็ว และไว โดยที่เจ้าของรถไม่รู้ตัว
และอาจมารู้ตัวตอนขับซึ่งก็สายไปเสียแล้ว ผมจึงเฝ้ารอวันคืนที่เหมาะสม
และในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
เมื่อคุณแม่บ้านต้องเดินทางไปต่างจังหวัดและจอดรถทิ้งไว้ที่อื่น
โดยที่ผมต้องเป็นคนนั่งแท๊กซี่ไปเอารถคันนี้เพื่อไปรับคุณเธอที่สนามบิน
วันนี้หละน่าจะเหมาะเจาะที่สุด
เพราะนอกจากจะได้ทำการปรับเปลี่ยนระบบท่อกรองอากาศแล้ว
ยังต้องขึ้นทางด่วนโทลเวย์ที่มีทางตรงยาวๆให้ได้ขับเร็วขึ้นสักนิดด้วย ....อร่อยแน่
อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก
- ท่ออากาศแอร์ ที่ซื้อมา 300บาท แบ่งใส่ตู้แอร์ แบ่งให้เพื่อน
แบ่งแล้วแบ่งอีกก็ยังไม่หมด
- อุปกรณ์อื่นๆ มีอะไรอีกมั้ย เหมือนจะไม่มี
เมื่อถึงวันลงมือ ผมเองก็หิ้วถุงท่ออากาศนั่งแท๊กซี่ไปเอารถ
ในเส้นทางสู่สนามบินผมมองหาที่ทำรถ เงียบๆ และไม่มีใครมาสนใจ
แน่นอน อะไรจะเงียบสงบไปกว่าวัดหละครับ ว่าแล้ว เลี้ยวเข้าวัดไปซะเลย ทำรถในวัด เพื่อจิตใจสงบและเป็นศิริมงคล
เวลาชั่วพริบตาทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย นี่ถ้าเป็นเรื่องอื่นก็ต้องเรียกว่า นกกระจอกไม่ทันกินน้ำเลย เอาหละขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมาก เปิดช่องเซอร์วิสโช๊ค ใส่ท่อเข้าไป ให้ถึงบริเวณช่องรับอากาศของแผงจิ้งหรีด ต่อท่อเข้ากับท่อกรองอากาศ ลองดูตามภาพก็จะเข้าใจได้โดยง่าย
เมื่อทำเสร็จก็สิ่งที่เปลี่ยนไปก็จะมีเพียงแค่การที่ต้องเปิดช่องเซอร์วิสโช๊คเอาไว้
เพื่อเดินท่อลอดเข้ามาเท่านั้น
เรียบร้อยก็ขึ้นทางด่วนสิไปรับคุณเธอสิครับ
ผลที่ได้
จากความรู้สึก ในช่วงต้นๆคันเร่งเบาขึ้น หมายความว่าเรากดเบาๆแต่รถมันเดินดีขึ้น
ในส่วนนี้คาดว่าน่าจะเป็นเพราะ อากาศที่เข้าเครื่องนั้นเย็นขึ้น ไม่ต้องดูดอากาศที่ปะปนความร้อนจากห้องเครื่องมาเผาไหม้
แล้วอากาศเย็นขึ้นมันส่งผลอะไร เบื้องต้น กล่อง ECU จะสามารถปรับองศาจุดระเบิดให้แก่ขึ้นได้ (advance ignition timing) เพราะ
เซนเซอร์ IAT หรือ Intake Air Temperature ที่ติดตั้งอยู่บริเวณทางเข้าอากาศของเครื่องยนต์ ได้รับค่าว่า อากาศที่เข้ามาเย็นขึ้น ดังนั้น สามารถเร่งไฟให้แก่ขึ้นได้อีก (ภายใต้เงื่อนไขที่เครื่องยนต์ต้องไม่น๊อค) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน เพื่อให้ได้แรงม้าเบรคที่สูงสุด
วิธีการนี้จะแตกต่างจากการ หลอกค่า IAT ด้วยการใส่ ตัวความต้านทาน (resister) ที่เซนเซอร์ แบบที่นิยมทำกัน เพราะอากาศที่เข้าไปนั้นเย็นลงจริง ไม่ใช่อากาศร้อนแต่หลอกว่ามันเย็น พูดง่ายๆคือ
มัน real มันจริง มันสัมผัสได้ มันไม่แสตนอินน์
ถึงตรงนี้ถ้าอ่านแล้วงง อ่านซ้ำอีกครั้งนะครับ
เอาหละมาดูในขณะขับขี่ที่ความเร็วสูงบ้าง
ตรงนี้ความแตกต่างจากของเดิมเยอะกว่า เพราะอะไร ?
นอกจากที่ เราได้รับอากาศเย็นจนเครื่องทำการปรับเพิ่มองศาจุดระเบิดแล้ว อากาศจำนวนมากที่เกิดแรงกดบริเวณใต้กระจกหน้ารถ จะทำการกรอกลง "หลุม" ที่เกิดจากการดูดอากาศของตัวเครื่อง
ผลที่ได้จากความรู้สึกคือ ตีนปลายเดินดีขึ้นอย่างรู้สึกได้
และจากการใช้งานเต็มๆ โดยขับเรื่อยๆตามสไตล์ผู้หญิงขับชิวๆ กดคันเร่งไม่ถึงครึ่งตลอดการเดินทาง ปรากฏว่าสามารถประหยัดน้ำมันลงไปกว่าเดิมเช่นกัน
ข้อเสียหละมีมั้ย ??
มีสิครับ ในหน้าฝนโอกาสที่จะดูดน้ำเข้าไปก็มีแน่นอน การปรับแต่งลักษณะนี้เหมาะกับการใช้งานที่ไม่เจอน้ำนะครับ
แน่นอนว่าเราต้องหาทางรู้ให้ได้ว่ามันดีหรือแย่ลง แบบที่เห็นกันชัดๆไม่ใช่การบรรยายไปตามความรู้สึก ในตอนนี้ผมยังไม่มีโอกาส ได้ทำการทดสอบอย่างจริงจัง ดังนั้นจะขอติดเอาไว้ก่อนและจะมาเขียนอัพเดทลงในบทความนี้อีกครั้งครับ
ครั้งนี้ขอฝากคลิป 100-160 กม./ชม. เอาไว้ให้ดูไปพลางๆ เผื่อท่านใดอยากลองจับเวลา หรือหา คลิปรถเดิมๆ คันอื่นเทียบเวลาดูก็ได้ครับ
สวัสดีครับ
หนูทดลองในวันนี้คือ
Honda JAZZ GE - L15